เคล็ดลับมหาเศรษฐี(2)

12.7.53
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

คราวก่อนผมได้นำเคล็ดลับ 5 ข้อของมหาเศรษฐีมาเล่าสู่กันฟังในคอลัมน์ CEO Challenge

ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้อ่านพอสมควร จนถามไถ่กันมาเกรียวกราวว่าเมื่อไหร่จะเฉลยเคล็ดลับอีก 5 ข้อที่เหลือสักที ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ หนังสือ 10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี เขียนโดย เคท คาแมรอน สมิท ลองมาติดตามกันดูนะครับ

เริ่มจากความต่างข้อที่ 5 มหาเศรษฐีทำงานมุ่งหวังผลกำไร คนทั่วไปทำงานเพื่อค่าแรง ประเด็นนี้เราคงได้เห็นมหาเศรษฐีมากมายที่มีเทคนิควิธีการ ตลอดจนวิสัยทัศน์ในการต่อยอดธุรกิจและสายสัมพันธ์เพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรสูงสุด

ประเด็นที่ผมขอเสริมคือ มหาเศรษฐีตัวจริงจะไม่มองเฉพาะกำไรที่ได้จากธุรกิจเท่านั้น แต่จะเน้นที่กำไรจากการใช้ชีวิต การได้มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นในสังคม ตรงนี้ล่ะ จะเป็นจุดสร้างความต่างระหว่างเศรษฐีตัวจริงกับเศรษฐีจำแลง

เพราะหากไม่ใช่ตัวจริง จะไม่สามารถเปิดมุมมองให้ก้าวออกมาจากตัวเลขผลกำไรที่เรียกว่า Bottom Line ได้เลย เศรษฐีตัวปลอมจะยังหมกมุ่นกับการสร้างกำไรสูงสุดให้ธุรกิจตัวเอง แต่เศรษฐีตัวจริงจะก้าวไปไกลกว่า โดยคำนึงถึง Triple Bottom Lines คือ People, Planet และ Profit กำไรที่ได้มาควรสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับสังคม ประเทศชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อคิดเช่นนี้ ผลกำไรจึงมากมายกว่าธุรกิจในกลุ่มเดียวกันหลายเท่า เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง คอนเฟิร์ม!

ความต่างข้อที่ 4 มหาเศรษฐีมีจิตใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทร ในขณะที่คนทั่วไปเชื่อว่าเขามีไม่พอเผื่อแผ่ใคร เหลือเชื่อที่หลักการข้อนี้ตรงกับหลักข้อที่ 4 ของ White Ocean Strategy อย่างถอดกันมา เพราะคนที่ประสบความสำเร็จจะมีทัศนะว่า โลกนี้คือโลกอันอุดมสมบูรณ์และแบ่งปัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใดได้เพียงผู้เดียว ความสุขจากการให้ด้วยใจและการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นความสุขพิเศษที่หาสิ่งใดมาเปรียบได้ยาก และไม่สามารถซื้อหาได้จากทรัพย์สินเงินทองที่สะสมไว้

น่าเสียดายที่มหาเศรษฐีบางคนไม่เข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ชีวิตจึงหาความสุขแท้จริงไม่เจอ!

ความต่างข้อที่ 3 มหาเศรษฐีมีแหล่งรายได้หลายทาง แต่คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสอง ความต่างนี้หมายรวมถึงความสามารถของมหาเศรษฐีในการสร้างทีมงานให้สามารถทำงานร่วมกันแทนตนเองได้อย่างดีเยี่ยม เรียกว่า ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง แต่เป็นผู้กำหนดทิศทางได้ ต่างจากคนทั่วไปที่ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง

ที่น่าสนใจคือ มหาเศรษฐีตัวจริงจะเป็นผู้ที่มีนิสัยนอบน้อมถ่อมตน ไม่มีความยโสโอหัง กลายเป็นพลังส่งให้ทีมงานสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ประเด็นนี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสมหาเศรษฐีตัวจริงหลายท่านทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ เห็นด้วยว่าเป็นเช่นนี้ 100%

ความต่างข้อที่ 2 มหาเศรษฐีไม่ฟุ่มเฟือยเมื่อมีรายได้เพิ่ม แต่นำรายได้นั้นไปลงทุน นอกจากนี้ ยังอดทนและให้เวลาแก่ตัวในการแสวงหาความรู้ และพัฒนาปัญญาอย่างไม่หยุดหย่อน

ความต่างข้อที่ 1 มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง ในขณะที่คนทั่วไปตั้งคำถามที่บั่นทอนกำลังใจตนเอง คนประสบความสำเร็จจึงมีพลังความคิดสร้างสรรค์ที่สูงกว่าคนทั่วไป และไม่จมอยู่กับความคิดในการตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

คำพูดและวิธีคิดของคนจึงสะท้อนถึงตัวตนของคนคนนั้นอย่างชัดเจน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น