คนไทยตายผ่อนส่ง นักวิชาการเผยผลสำรวจอาหารทั่วประเทศ ปนเปื้อนสารเคมี ทั้งยาฆ่าแมลง- สารกันบูด- สารฟอกขาว เกินมาตรฐานทั้งในผักผลไม้ เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารแห้ง อึ้งแม้แต่นมโรงเรียน 1 ใน 4 ยังมีแบคทีเรียปน ชี้อาหารทะเลสดจากเพื่อนบ้านพบทั้งโลหะหนักและน้ำยาดองศพปริมาณสูง จวก อย.ดูแลไม่ทั่วถึง เสนอเพิ่มบทบาทท้องถิ่น สอดส่องเฝ้าระวัง
ผศ.ดร.พรรัตน์ สินชัยพานิช นักวิจัยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยสำรวจอาหารปนเปื้อนที่เกินมาตรฐานความปลอดภัยในเขต 8 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2552-เมษายน2553 สนับสนุนโดย
แผนงานสร้างเสริมการเรียนรู้กับสถาบันอุดมศึกษาไทยเพื่อการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ดี(นสธ.)
+
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
พบว่าในกลุ่มตัวอย่างอาหารทั่วไป เช่น
- นมโรงเรียนชนิดพาสเจอร์ไรซ์ มี ปริมาณแบคทีเรียรวมเกินมาตรฐานร้อยละ 25
- นมชนิดยูเอ็ชที เกินร้อยละ 5
- ใส้กรอก ทั้งหมู ไก่และกุนเชียง มีสารกันบูดกว่าร้อยละ 36
- ลูกชิ้นหมู ไก่และปลา พบการใช้สารกันบูดถึงร้อยละ 100 และใช้ดินประสิวในระดับไม่ปลอดภัยร้อยละ 26
ดร.พรรัตน์ กล่าวว่า
ประเภท ผักผลไม้ พบการปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง ร้อยละ 58 โดยใน
- สาลี่
- ลูกพลับสด
- ส้ม
- องุ่นและ
- ถั่วฝักยาว พบมากถึงร้อยละ 78
- แอปเปิล
- บร็คคเคอรี่
- ดอกกะหล่ำ
- กะหล่ำปลีและ
- แตงโม เกินมาตรฐานร้อยละ 25-50
- เห็ดหูหนูขาว พบ สารเคมีกำจัดแมลงเกินมาตรฐานร้อยละ 9 และสารฟอกขาวร้อยละ 56
สาหร่ายแกงจืด ร้อยละ 36
กุ้งแห้งและปลาหมึกแห้ง พบการปนเปื้อนเคมีกำจัดศัตรูพืชร้อยละ 64 และร้อยละ 62 ตามลำดับ
ที่น่าตกใจ
พริกขี้หนูป่น พบร้อยละ 100
“อาหารที่ประชาชนนิยมบริโภค เช่น
ก๋วยเตี๋ยวก็พบสารกันบูดเช่นกัน โดย
-เส้นใหญ่ พบร้อยละ 88
-เส้นเล็ก ร้อยละ 75
-เส้นหมี่ขาวและบะหมี่ ร้อยละ 40 และ 50 ตามลำดับ
อาหารกินเล่นอย่าง
-สาหร่ายอบกรอบปรุงรส พบราพิษอะฟลาท็อกซินร้อยละ 8 ดับ” ผศ.ดร.พรรัตน์ กล่าว
รศ.ดร. นวลศรี รักอริยะธรรม ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่น่าจับตาคือ
อาหารนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการสุ่มตรวจ พบว่า
- อาหารทะเลสด นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน พบ
การปนเปื้อนฟอร์มาลีนร้อยละ 67 และ
โลหะหนักสารหนูร้อยละ 4 ขณะที่
-ผักและผลไม้ ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดแมลง ร้อยละ 36
-สารฟอกขาวในผักแห้งร้อยละ 47
-สารตะกั่วในสาหร่ายและเยื่อไผ่ ร้อยละ 8
-ปรอท ในก้านเห็ดหอม หน่อไม้แห้ง เห็ดหอมและเยื่อไผ่ ร้อยละ 17 ร้อยละ 12
-ขนมพร้อมบริโภค ลูกอมและเยลลี่ พบสีสังเคราะห์เกินมาตรฐานร้อยละ 20
ดร. นวลศรี กล่าวว่า ผลกระทบของสารปนเปื้อนในอาหารเหล่านี้ หากสะสมในร่างกาย เช่น
-สารฟอกขาว จะทำให้หายใจติดขัด ความดันโลหิตต่ำ
-สารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลง จะทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดความต้านทานโรค หากได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมากจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ หายใจติดขัด ช็อกและเสียชีวิต ส่วน
-สารกันบูด ที่อยู่ในเนื้อหมู ลูกชิ้น ไส้กรอก จะเป็นพิษต่อต่อมไตและสมอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง สารเหล่านี้ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจอาเจียน มีไข้ และเสียชีวิตได้
-สารอะฟลาทอกซิน จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งในตับสูง
“อาหารที่ผลิตทั้งในประเทศและนำเข้า ล้วนมีอันตรายทั้งสิ้น ที่น่ากังวลคือเราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินในแต่ละวันนั้นมาจากไหน มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้บริโภคเป็นผู้แบกรับโดยตรง เหมือนเป็นการตายผ่อนส่ง”รศ.ดร. นวลศรี กล่าว
ดร. นวลศรี กล่าวว่า กลไกควบคุมอาหารปลอดภัยของของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ยังคงมีข้อจำกัด แม้จะมีการการเฝ้าระวัง แต่ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งชุดทดสอบ (test kits) เป็นหลัก ทำให้ได้ผลเพียงคร่าว ๆ และไม่สามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมสารปนเปื้อนสำคัญ ๆ ได้หมด
ข้อจำกัดอีกด้านคือความทั่วถึงของการตรวจและเฝ้าระวัง และข้อกฎหมายด้านความปลอดภัยที่ขาดความชัดเจนในมาตรฐานบางตัวและบทลงโทษที่ไม่รุนแรง การเฝ้าระวังจึงควรเพิ่มบทบาทผู้บริโภคที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศร่วมกับภาควิชาการ และให้บทบาทของ อปท. ในเรื่องนี้มากขึ้น ในอนาคต อปท. ต้องจัดสรรงบประมาณดำเนินการเป็นหลัก
“อาหารที่ผลิตทั้งในประเทศและนำเข้า ล้วนมีอันตรายทั้งสิ้น ที่น่ากังวลคือเราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินในแต่ละวันนั้นมาจากไหน มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้บริโภคเป็นผู้แบกรับโดยตรง เหมือนเป็นการตายผ่อนส่ง”รศ.ดร. นวลศรี กล่าว
ดร. นวลศรี กล่าวว่า กลไกควบคุมอาหารปลอดภัยของของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ยังคงมีข้อจำกัด แม้จะมีการการเฝ้าระวัง แต่ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งชุดทดสอบ (test kits) เป็นหลัก ทำให้ได้ผลเพียงคร่าว ๆ และไม่สามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมสารปนเปื้อนสำคัญ ๆ ได้หมด
ข้อจำกัดอีกด้านคือความทั่วถึงของการตรวจและเฝ้าระวัง และข้อกฎหมายด้านความปลอดภัยที่ขาดความชัดเจนในมาตรฐานบางตัวและบทลงโทษที่ไม่รุนแรง การเฝ้าระวังจึงควรเพิ่มบทบาทผู้บริโภคที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศร่วมกับภาควิชาการ และให้บทบาทของ อปท. ในเรื่องนี้มากขึ้น ในอนาคต อปท. ต้องจัดสรรงบประมาณดำเนินการเป็นหลัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น