โดย https://www.facebook.com/3DPrinterThailand เมื่อ 5 ก.พ.2557
บทความสัมภาษณ์ความคิดเห็นจาก Conor MacCormack ผู้บริหารจากบริษัท Mcor เกี่ยวกับความเห็นว่าอะไรที่ยังเป็นอุปสรรคในการทำให้ 3D Printer เป็นที่นิยมใช้กันในบ้านเหมือนเครื่อง 2D printer ในปี 2012 เครื่องปริ๊นเตอร์แบบหมึกสามารถขายได้ 285,000เครื่องต่อวัน (ข้อมูลจากZdnet) ในขณะที่ 3D Printer ในปี 2013 ขายได้ 160เครื่องต่อวัน (ข้อมูลจากGartner) เท่านั้น
1) Speed - ชิ้นงานควรสามารถปริ๊นเสร็จในไม่กี่นาที ไม่ใช่ในกี่ชั่วโมง ยิ่งถ้างานปริ๊นค้างคืน ตื่นมาเจอว่ามันเสียบ่อยๆ คนคงเลิกใช้กันหลายคน
2) Materials - วัสดุที่ใช้ได้ยังจำกัด ทำให้ไม่สามารถผลิตของที่ใช้ได้จริง ส่วนใหญ่ในตอนนี้ พลาสติก ABS & PLA เป็นวัสดุหลักของเครื่อง 3D Printer แบบใช้ในบ้านเท่านั้น
3) Price - ราคาเครื่องและวัสดุต้องต่ำกว่าในปัจจะบันถ้าต้องการขายในตลาดผู้บริโภคทั่วไป เครื่อง3D Printer คุณภาพดี ไม่ควรมีราคาเกิน US1,000
4) Color - ผู้ใช้ในบ้านส่วนใหญ่ คงไม่มีคนไหนที่ต้องการมานั่งลงสีบนชิ้นงานเองทุกครั้ง การปริ๊นเป็นสีออกมาเลย จะดึงดูดมากกว่า แต่ในขณะนี้ มีแต่ในเครื่องระดับ Commercial & Industrial เท่านั้นที่สามารถทำได้ ในราคาที่ผู้ใช้ในบ้าน ไม่สามารถเข้าถึงได้
5) Safe and clean - แตกต่างจากโรงงานหรือออฟฟิศที่มีห้องเฉพาะสำหรับใช้งานกับเครื่องประเภทนี้ ที่แยกจากส่วนทำงาน แต่ในบ้าน คนส่วนใหญ่ก็จะวางไว้ที่ห้องนั่งเล่น หรือ แม้แต่ในห้องนอน ซึ่งเครื่อง 3D Printer ผลิตทั้งกลิ่นและผงพลาสติก ซึ่งการสูดดมไปนานๆไม่ดีต่อร่างกายแน่นอน ต้องพัฒนาเทคโนโลยี่ให้สามารถใช้งานได้ปลอดภัยในบ้าน ซึ่งอาจหมายถึงขบวนการหรือวัสดุที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
6) The entire ecosystem has to be easy to use - การใช้งานโดยรวมของทั้งระบบต้องง่าย ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่อง 3D Modelling Software หรือ เรื่องเครื่องจักร การทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องได้เต็มประสิทธิ์ภาพในขณะที่ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน จะทำให้ครอบคลุมผู้ใช้งานได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น
http://www.engineering.com/3DPrinting/3DPrintingArticles/ArticleID/7080/When-will-3D-Printing-Reach-a-Mass-Consumer-Audience.aspx
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น