ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กในอินโดนีเชียใช้เฟซบุ๊กทำธุรกิจขยายฐานลูกค้า และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนได้อย่างดี
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคอาเซียน และมีผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กสูงถึง 40 ล้านคน
"ดวี ราห์มาวตี" เริ่มเปิดร้านขายเสื้อผ้าเด็กออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2548 เสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่เว็บไซต์ปีละ 80 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,500 บาท ในระยะหลังเมื่อกระแสเฟซบุ๊กมาแรงในอินโดนีเซีย เธอจึงได้หันมาใช้แฟนเพจเฟซบุ๊กเป็นหน้าร้านแทน ซึ่งช่วยให้เธอประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก และยังช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่าหน้าเว็บไซต์แบบเดิมอีกด้วย
ราห์มาวตีเปิดเผยเคล็ดลับที่ทำให้แฟนเพจของร้านเธอได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอคอยจัดกิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่ตลอด ตั้งแต่การอธิบายลักษณะของสินค้า ไปจนถึงการต่อรองราคา
ส่วน "โจ ไอเท็ม" ปิดร้านขายสินค้าเกี่ยวกับกีฬามาได้ 1 ปีแล้ว แล้วหันมาเปิดร้านออนไลน์บนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้เขามีฐานลูกค้ากว้างขึ้นกว่าเดิมมากถึง 20 จังหวัด จากเดิมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ภายในกรุงจาการ์ตา ส่งผลให้เขาสามารถทำรายได้มากถึง 14 ล้านรูเปียะห์ หรือประมาณ 48,000 บาท โดยที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ร้าน
นอกจากนี้ยังมีเจ้าของกิจการอีกหลายรายที่ประสบความสำเร็จจากการใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้า และสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ตลอดเวลา เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ และอาจจะได้ลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กในอินโดนีเซียหันมาใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการค้าขายมากขึ้น เนื่องจากเฟซบุ๊กได้รับความนิยมมากกว่าการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป และสามารถเปิดใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือได้
สำหรับตลาดของเฟซบุ๊กในอินโดนีเซียยังถือว่าสามารถขยายได้อีกมาก หากเฟซบุ๊กมีลูกเล่นที่ดึงดูดใจผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เช่นที่กูเกิลได้ทำออกมาเพื่อเอาใจผู้ประกอบการธุรกิจโดยเฉพาะ เฟซบุ๊กก็จะสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทั้งเฟซบุ๊ก และผู้ประกอบการธุรกิจที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการทำธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น