โดยประชาชาติ เมื่อ 6 ก.ค.2555
ยักษ์ "กูเกิล" ดันต่อ "อีคอมเมิร์ซ" ไทย เปิด "Google Trader" พื้นที่ซื้อขายสินค้าแห่งใหม่เพิ่มทางเลือก "รายย่อย" เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งอัพเวอร์ชั่นมือถือเกาะเทรนด์สมาร์ทโฟนบูม ทั้งสุดปลื้มโปรเจ็กต์ "ธุรกิจไทยโกออนไลน์" สำเร็จเกินคาดตั้งเป้าสมาชิก 1.5 แสนรายในสิ้นปี
นางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด กูเกิล ประเทศไทยกล่าวว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง บริษัทจึงเปิดตัว "Google Trader" เว็บไซต์ที่ทำให้การขายของเป็นเรื่องง่ายขึ้น ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถถ่ายภาพและลงเนื้อหาที่ต้องการจำหน่ายและอัพโหลด ขึ้นเว็บไซต์ ขั้นตอนและคำสั่งทั้งหมดจะเป็นภาษาไทย ซึ่งจะเป็นเพียงพื้นที่พบปะระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย หลังจากตกลงราคากันแล้วต้องติดต่อกันเอง
นอกจากนี้ ยังทำเวอร์ชั่นที่ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือเพื่อสร้างความสะดวกในการใช้งานมาก ขึ้นด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายไม่เชี่ยวชาญในการใช้คอมพิวเตอร์ แต่เริ่มมีความคุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนแล้ว
โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 5 จากทั่วโลกที่กูเกิลเปิดให้บริการนี้ หลังจากเปิดใช้ในประเทศกานา, เคนยา, ไนจีเรีย และยูกันดา เนื่องจากค่อนข้างประสบความสำเร็จในโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้ภาษาไทยเต็มรูปแบบ, การสำรวจแผนที่เพื่อทำสตรีตวิวและธุรกิจไทยโกออนไลน์ เป็นต้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน
อีกทั้งจากข้อมูล พบว่าผู้บริโภคกว่า 8 ใน 10 คนที่ใช้ระบบค้นหาบนอินเทอร์เน็ต เพื่อต้องการหาสินค้าและบริการมาใช้งาน มีผู้ประกอบการเพียง 1 ใน 10 รายเท่านั้นที่มีเว็บไซต์หรือสินค้าอยู่บนอินเทอร์เน็ต เมื่อมีเว็บไซต์โอกาสที่ผู้ประกอบการจะตามทันผู้บริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น
"ในไทยมีผู้ประกอบการรายย่อยราว 3 ล้านราย แต่คนที่พร้อมให้บริการทางอินเทอร์เน็ตมีแค่ 5-10% เท่านั้น ปัจจัยหลัก ๆ มาจากความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ที่น้อย รวมถึงไม่รู้ว่ามีเว็บไซต์แบบนี้อยู่ ถ้าปล่อยไปจนถึงเวลาของประชาคมอาเซียนอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำให้เราไม่สามารถไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้ หรือกลายเป็นพื้นที่ตลาดให้ต่างชาติมาเจาะ แทนที่จะเป็นผู้ประกอบการ และไปตีตลาดต่างประเทศ"
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของกูเกิลในครั้งนี้ไม่ใช่จะมาแข่งขันกับเว็บคลาสซิฟายที่มีอยู่เดิม แต่เป็นตัวช่วยอีกเว็บที่จะเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการสามารถขายของได้ง่าย ขึ้น และไม่หวังสิ่งตอบแทน เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการฝากขาย
หลังจากเปิดตัวมาเพียง 1 อาทิตย์มีผู้ที่สนใจมาฝากสินค้าพอสมควร เน้นไปที่ประเภทรถยนต์, เสื้อผ้า และโทรศัพท์มือถือ เป็นหลัก ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ผ่านทีมการตลาดที่จะเข้าไปหาผู้ประกอบการตามพื้นที่ ต่าง ๆ เช่น มาบุญครอง, ตลาดนัดจตุจักร และเอเซียทีค เป็นต้น
นางสาว พรทิพย์กล่าวถึงโครงการ "ธุรกิจไทยโกออนไลน์" ที่เป็นโซลูชั่นเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งดำเนินการมาครบ 1 ปีแล้วว่าประสบความสำเร็จด้วยดี มีผู้เข้าร่วมโครงการเกินเป้าหมาย จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 5 หมื่นราย แต่เมื่อครบปีมีกว่า 1 แสนราย และมีเว็บไซต์ของตนเองที่พร้อมทำธุรกิจได้อีก 6 หมื่นราย กลุ่มที่เข้าร่วมโครงการเป็นร้านค้าปลีกกว่า 40% รองลงมาเป็นงานบริการ และอุตสาหกรรมแบบธุรกิจต่อธุรกิจ อีก 18% และ 13% ตามลำดับ
และในปี นี้ตั้งเป้ามีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการเป็น 1.5 แสนราย รวมถึงเร่งทำให้ทั้งหมดเปิดเว็บไซต์ของตนเองให้เร็วที่สุดผ่านการอบรม จากบริษัทและพาร์ตเนอร์ ซึ่งจะช่วยเหลือด้านต่าง ๆ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ดูแลเรื่องบัญชีการเงิน และไปรษณีย์ไทย ดูแลเรื่องการขนส่ง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น