ประจักษ์ 9 รส ขนมเปี๊ยะ...สุดครีเอต ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

19.4.58


โดยมติชน เมื่อ 18 ก.พ.2558

“ขนมเปี๊ยะ ส่วนใหญ่มีแต่แบบแป้งร่วนกรอบ ไส้ก็แห้งๆ พอทานทีไรฝืดคอต้องรีบกินน้ำตาม เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำขนมเปี๊ยะแป้งแบบอื่นดูบ้าง...”

ขนมเปี๊ยะ ขนมมงคล มีมาแต่โบร่ำโบราณตามความเชื่อของชาวจีน สื่อถึงความปรารถนาดีระหว่างผู้รับกับผู้ให้ ที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น จนปัจจุบัน ขนมชนิดนี้ ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หากรูปแบบการทำอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย

อย่าง ขนมเปี๊ยะสดอบควันเทียน ตรา “ประจักษ์ 9 รส” ที่ดัดแปลงสูตรทั้งแป้งทั้งไส้ ให้ถูกปาก “คนทำ” เป็นจุดเริ่ม ก่อนส่งต่อไปให้คนใกล้ชิด จนหลายคนติดอกติดใจนักหนา

แม้ทุกวันนี้ ไม่มีหน้าร้านเป็นเรื่องเป็นราว แต่ขนมเปี๊ยะเจ้านี้ มีออร์เดอร์จากลูกค้าตลอดทั้งปี ช่วงพีกสุดๆ ทีมงานเกือบ 10 ชีวิต เคยปั้นกันมือเป็นระวิง ถึงวันละ 15,000 ลูก มาแล้ว และหากลูกค้าท่านใด คิดจะเดินเข้าไปซื้อหามาลองชิมสักกล่องสองกล่อง ต้องขอบอกเสียใจด้วย เพราะขนมเปี๊ยะประจักษ์ 9 รส ต้องสั่งล่วงหน้าเท่านั้น...ถึงจะได้รับประทาน!

คุณประจักษ์ เจียมจรรยงค์ เจ้าของผลงานวัย 48 ปี ละมือจากงานประจำวัน มาพูดคุยกันด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม เริ่มต้นให้ฟัง จบปริญญาตรี คณะบัญชี มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ ปริญญาโท ด้านธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยสยาม

ก่อนหน้านี้เคยทำงานประจำอยู่สำนักงานตรวจสอบบัญชี ประจำบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นเคยใช้เวลาว่างไปเรียนการทำเบเกอรี่นาน 2 เดือน เพราะในใจลึกๆ แล้ว อยากเป็นเชฟมากกว่านักบัญชี

ทำงานประจำอยู่ 10 กว่าปี รู้สึกเบื่อหน่าย เพราะไม่ใช่งานที่ชอบ กระทั่งปี 2548 จึงลาออกมาเปิดร้านอาหารตามสั่ง ขนมปัง ขนมเค้ก อยู่แถวย่านประชานิเวศน์ 1 และด้วยความที่เป็นคนชอบทำและชอบทานขนม จึงลองทำขนมเปี๊ยะในแบบที่ “อยากทาน” ออกมาแจกจ่ายให้ญาติและเพื่อนฝูงช่วยชิมและติชม

“ขนมเปี๊ยะ ส่นใหญ่มีแต่แบบแป้งร่วนกรอบ ไส้ก็แห้งๆ พอทานทีไรฝืดคอต้องรีบกินน้ำตาม เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำขนมเปี๊ยะแป้งแบบอื่นดูบ้าง อีกอย่างผมชอบทานขนมลูกชุบ เลยนำคุณสมบัติ 2 ตัวนี้มารวมกัน และทำออกมาตามที่คิด จนได้ขนมเปี๊ยะอบควันเทียน เป็นแป้งเปลือกบางๆ และมีความนิ่มเหมือนขนมลูกชุบ” คุณประจักษ์ บอกจุดเริ่ม

สำหรับขั้นตอนกว่าจะได้ออกมาเป็นขนมเปี๊ยะแบบไม่เหมือนใครนั้น เจ้าของผลงานท่านนี้ บอก ทดลองทำแค่ 2 ครั้ง ก็ออกมาอย่างตั้งใจ ซึ่งไม่ได้ใส่ส่วนผสมอะไรเป็นพิเศษ ตัวแป้ง ใช้แค่ แป้งสาลี น้ำ น้ำมัน และ ไข่ ตามปกติ แต่วิธีการนวดนั้น ขออุบไว้เป็น “สูตรลับ” เฉพาะ

ส่วนไส้ขนมเปี๊ยะรุ่นบุกเบิก เป็นไส้ถั่วไข่เค็มเหมือนทั่วไป ทำได้ระยะหนึ่งจึงขยายความคิดจนออกมาเป็นไส้ใหม่ๆ เริ่มจากไส้เค็ม ที่รสชาติเหมือนไส้ขนมเทียน ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมมาก จากนั้นจึงทำ ไส้งาดำ ถั่วขาว ถั่วแดง เผือก ฝอยทอง ทุเรียน และขนมหม้อแกง ออกมาตามลำดับ

โดยย้อนไปเมื่อราว 8 ปีที่แล้ว คุณประจักษ์เริ่มจากการปั้นขายคนเดียว วันละไม่เกิน 60 ลูก ครั้นถูกส่งต่อกันไปแบบปากต่อปาก ออร์เดอร์จึงทยอยเพิ่มขึ้น

ล่าสุด กิจการนี้ทุ่มงบฯ ลงทุนเป็นเงินหลักแสนต้นๆ มีอุปกรณ์ทุ่นแรงในระดับอุตสาหกรรมในครัวเรือน พร้อมทีมงานอีก 7-8 คน และสามารถขยายกำลังได้อีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากมีลูกค้าสั่งซื้อตลอดทั้งปี

โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน ปีใหม่ ไหว้พระจันทร์ สงกรานต์ นั้น มี “งานเข้า” แบบต้องทำกันทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว
แต่ด้วยความเป็นขนมสด การเก็บรักษาขนมเปี๊ยะนี้ จึงเก็บไว้ได้ไม่เกิน 3 วันนอกตู้เย็น ไม่อย่างนั้นจะบูดและเป็นรา แต่หากแช่ไว้ในตู้เย็นเก็บได้ถึง 2 สัปดาห์

ทางเจ้าของสินค้า จึงกำลังคิดค้นการยืดอายุให้สามารถเก็บได้ยาวนานขึ้น พร้อมปรับรูปแบบแพ็กเกจจิ้งใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการหิ้วไปเป็นของฝากหรือรับไปจำหน่ายต่อยังต่างประเทศ อย่าง สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น  เพราะที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มนี้จำนวนไม่น้อย

อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่างน้อย2-3 ตัว เพื่อเสริมทัพให้กิจการมีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นการผสมผสานของรสชาติขนมไทยและขนมฝรั่ง เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มอื่นเป็นทางเลือกสำหรับคนอาจไม่ชอบทานขนมเปี๊ยะ

“ธุรกิจนี้ถือว่ากำไรดีใช้ได้ ไม่เสียใจที่ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นออกมา เพราะ 8 ปีที่รับบทพ่อค้า มีความสุขมาก ที่ผ่านมา เคยมีหลายคนมาขอร่วมหุ้นซื้อแฟรนไชส์ แต่ตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น เพราะทำด้วยทุนตัวเองสบายใจกว่า” คุณประจักษ์ ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น